"บุญ" ที่ถูกต้อง
ชาวพุทธเราส่วนใหญ่ ยังเข้าใจผิด เกี่ยวกับเรื่องของ “บุญ” คิดว่าการทำบุญ ก็คือ การตักบาตร, การถวายทรัพย์, ปัจจัย, การถวายสังฆทาน ฯลฯ เพียงเท่านี้ เป็นต้น
ยิ่งบางพุทธพาณิชย์ เน้นสอนให้ บริจาคทรัพย์ หรือร่วมสร้าง ความยิ่งใหญ่อลังการเข้าวัด จนเกินตัว มียอดบริจาค มากเท่าไหร่ถือว่า ยิ่งได้ บุญหนักศักดิ์ใหญ่ รวยล้นฟ้า ไม่รู้เรื่อง !
แท้จริงแล้ว “บุญ” หรือ “ปุญญ” แปลว่า “ชำระ” หมายถึง การทำให้ หมดจดจากมลทิน เครื่องเศร้าหมอง อันได้แก่ โลภะ โทสะ และ โมหะ
ตามพระไตรปิฎก เราสามารถ สร้าง “บุญ” ได้ ๓ อย่าง คือ ทาน ศีล ภาวนา
๑. ทาน คือ การให้ ดังเช่นที่กล่าวมาแล้ว คือ การตักบาตร บริจาคทรัพย์ ถวายสังฆทาน เป็นต้น ถือเป็น "จาคะ" การให้ นับเป็นบุญอย่างหนึ่ง แต่มีการให้บางประการ ที่ไม่นับเป็นบุญ เช่น สุรา มหรสพ ให้สิ่งเพื่อกามคุณ เป็นต้น
๒. ศีล คือ ความประพฤติ ที่ไม่ละเมิด หรือรักษา ความสำรวมทาง กาย วาจา การรักษาศีล สำหรับฆราวาส ได้แก่ ศีล ๕ และอุโบสถศีล (มี ๘ ข้อ)
๓. ภาวนา คือ การอบรมจิต ทางสมถะ และทางวิปัสสนา การนั่งสมาธิ เรียกว่า สมถะภาวนา ส่วนการนั่งวิปัสสนา (สติรู้ถึงรูป–นาม) เรียกว่า วิปัสสนาภาวนา
"บุญ" ยังมีอีก ๗ อย่าง ตามอรรถกถา หรือข้อปลีกย่อย นอกเหนือจาก พระไตรปิฎก นับถัดไป เป็นลำดับที่ ๔ ดังนี้
๔. อปจายนะ ความเป็นผู้นอบน้อม ต่อผู้ที่ ควรนอบน้อม
๕. เวยยาวัจจะ ความขวนขวายในกิจ หรืองาน ที่ควรกระทำ
๖. ปัตติทาน การให้บุญ ที่ตนถึงแล้ว แก่คนอื่น เช่น การอุทิศส่วนกุศล การกรวดน้ำ
๗. ปัตตานุโมทนา คือการยินดี ในบุญ ที่ผู้อื่นถึงพร้อมแล้ว เช่น เห็นผู้อื่น ทำบุญตักบาตร เมื่อเรา พลอยปลื้มปิติยินดี กล่าวอนุโมทนา เพียงเท่านี้ ก็ได้บุญแล้ว
๘. ธัมมัสสวนะ หรือการฟังธรรม ไม่ว่าจะ ฟังธรรมโดยตรง หรือจาก สื่อวิทยุ โทรทัศน์ ฯลฯ
๙. ธัมมเทศนา หรือการแสดงธรรม เมื่อได้ศึกษาธรรมะ แล้วถ่ายทอด ให้แก่ผู้อื่น นับเป็นบุญ ประการหนึ่งด้วย
๑๐. ทิฏฐุชุกรรม คือการ กระทำความเห็นให้ตรง หรือ สัมมาทิฏฐิ นั่นเอง
บุญทั้ง ๑๐ ประการนี้ บางที่เรียกกันว่า “บุญกิริยาวัตถุ ๑๐” จะเห็นว่า บุญทำได้ ถึง ๑๐ อย่าง มีเพียงข้อแรกเท่านั้น ที่ต้องใช้ทรัพย์ อีก ๙ ข้อ ล้วนไม่จำเป็น ต้องใช้ทรัพย์