สุกรํ สาธุนา สาธุ
กรรมดีคนดีทำได้ง่าย
ณ บัดนี้จะได้บรรยายขยายความตาม พุทธศาสนสุภาษิต อันลิขิตไว้ ณ เบื้องต้นตามนิพนธ์บาทคาถา เพื่อเป็นเครื่องประดับสติปัญญาและเป็นแนวทางแห่งสัมมาปฏิบัติสืบต่อไป
คำว่า กรรม มีความหมาย คือ การกระทำ ซึ่งยังถือว่าเป็นคำที่เป็นกลางๆ ยังตัดสินลงไปไม่ได้ว่าเป็น กรรมดี หรือกรรมชั่ว ดูอย่างในตอนเด็กๆ ผู้ใหญ่มักจะสอนอยู่เสมอในเรื่องของบาปกรรม เช่น การยิงนกตกปลาเป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นบาปกรรม การพูดโกหกก็เป็นสิ่งไม่ดี การไม่อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ที่มีอายุมากกว่าเราหรือคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าก็เป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม จึงทำให้เรารู้สึกคุ้นหูกับเรื่องของกรรมในด้านของการห้ามทำบาปและสิ่งที่ไม่ดีในเรื่องต่างๆ และเกิดความกลัวเกรงที่จะทำความผิดในเรื่องของบาปกรรมที่ผู้ใหญ่ได้สั่งสอนเรามา
แต่ถ้าหากจะให้จำแนกคำว่า กรรม ให้เห็นเด่นชัดขึ้นมาอีกสักหน่อยก็คงต้องอ้างเอาพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ แปลว่า ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม อธิบายได้ว่าการที่จะทำกรรมได้นั้นและสำเร็จเป็นกรรมก็ต้องประกอบด้วยเจตนาเป็นสำคัญ ถ้าไม่มีเจตนาที่จะทำ เรียกว่า กตัตตากรรม หรือ กตัตตาวาปนกรรม เป็นกรรมสักว่าทำ คือเจตนาอ่อน หรือมิใช่เจตนา ผลของกรรมที่ประกอบด้วยเจตนาน้อยก็จะเบาบางตามไป
การกระทำที่ดีเรียกว่า กุศลกรรม คือ กรรมดี เป็นสิ่งที่สัตบุรุษ บัณฑิตหรือคนดีกระทำได้ง่าย โดยอาศัยกุศลมูล หมายถึง ต้นเหตุของความดีมี ๓ อย่าง คือ
๑.อโลภะ ไม่โลภ (จาคะ การให้ การสละ)
๒.อโทสะ ไม่คิดประทุษร้าย (เมตตา ความรัก, ความปราถนาให้เขามีสุข)
๓.อโมหะ ไม่หลง (ปัญญา ความรู้ความเข้าใจหยั่งแยกได้ในเหตุผล ดีชั่ว คุณโทษ ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ เป็นต้น)
ในทางกลับกัน การกระทำที่ไม่ดีเรียกว่า อกุศลกรรม คือกรรมชั่ว เป็นสิ่งที่พาดำดิ่งลงเหว ทำให้พลาดโอกาสในการกระทำกุศลกรรม ดูตัวอย่างพระเทวทัตที่กระทำความผิด ยุแหย่ให้พระเจ้าอชาตศัตรูทำอนันตริยกรรม ปล่อยช้างนาฬาคิฬีคุ้มคลั่งหวังที่จะทำร้ายพระพุทธเจ้า ยังพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิตด้วยการกลิ้งหินจากหน้าผาจนสะเก็ดหินกระเด็นถูกพระพุทธเจ้า การทูลขอวัตถุ ๕ ประการแต่ไม่ได้รับการอนุญาต จึงทำสังฆเภทด้วยการชักจูงพระสงฆ์จำนวนหนึ่งออกไปปกครองเอง ถ้าหากพระเทวทัตตั้งใจบำเพ็ญเพียรตามคำสอนของพระพุทธเจ้าในตอนนั้นก็คงจะได้เป็นพระอริยบุคคลคนหนึ่งในพระพุทธศาสนานี้และทำสร้างประโยชน์ได้มากมายเป็นแน่แท้ สมดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า สาธุ ปาเปน ทุกฺกรํ กรรมดี คนชั่วทำได้ยาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พระเทวทัตต้องถูกธรณีสูบและต้องชดใช้กรรมอยู่ในอเวจีมหานรก แต่ด้วยการสำนึกถึงความผิดของตนก่อนที่ท่าจจะตายได้ถวายกระดูกคางเป็นพุทธบูชา ในภายภาคหน้าเพราะผลกรรมอันดีนี้จะส่งผลให้พระเทวทัตได้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง จึงได้ยกเอาเรื่องของพระเทวทัตมาแสดงเพื่อให้เห็นคุณและโทษของกรรม
การทำ กรรมดี เป็นสิ่งที่กระทำได้ไม่ยากสำหรับสาธุชนพุทธบริษัททั้งหลาย นอกจากจะทำบุญ ให้ทาน ปล่อยนก ปล่อยปลาเสียสละทรัพย์สินส่วนตัวเพื่อสร้างบุญกุศลกันแล้ว ในเบื้องต้นควรรักษาศีล ๕ ของตนให้เป็นปกติ คือ รักษาให้บริสุทธ์ ไม่ให้ขาด ไม่ให้ด่าง ไม่ให้พร้อย เรียกว่า รักษาเป็นชีวิตจิตใจ คือเป็นปกติสำหรับอุบาสก อุบาสิกา บางคนเคยกล่าวกับอาตมา(กระผม)ว่า โอ้โห้ รักษาไม่ไหวศีล ๕ มันมากเหลือเกิน ที่มันมากเพราะอะไร ก็เพราะยังฆ่าสัตว์ ยังลักทรัพย์ ยังผิดประเวณี ยังพูดปด ยังดื่มของมึนเมา รวมทั้งยาเสพติดให้โทษอยู่ เขาถึงบอกว่ามาก เหตุเพราะไม่ได้เคยรักษาศีลอย่างจริงจังนั่นเอง
พอบอกให้รักษาศีลจึงทรมาณ ทุรนทุรายจะเป็นจะตายให้ได้ อาตมา (กระผม) นึกขึ้นในใจว่าถ้าหากถือศีลแล้วต้องตายมันก็ยังน่าสรรเสริญกว่า การที่ผิดศีลแล้วต้องตายมากกว่าเป็นไหนๆ แต่หากจะพูดถึงเรื่องตายๆ ก็จะพาให้กลัวกันไปใหญ่ แต่ก็มีบางคนศีล ๕ ถือไม่ครบ ขอศีล ๔ ก็แล้วกัน (พยายามต่อรองกัน) อันนี้ก็สุดแท้แต่บุญแต่กรรมหรือแล้วแต่เวรแต่กรรม แต่ด้วยความที่อาตมา(กระผม)เป็นพระจึงต้องคอยตักเตือนญาติโยมเสมอๆ
เพราะฉะนั้น กรรมดี ไม่ใช่เรื่องยากที่จะกระทำ และก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าเราขวนขวายในคุณงามความดีอยู่เสมอๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากและหนักหนาอะไร ให้ระลึกเอาไว้ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว อย่าเห็นความชั่วเป็นความดี และความดีโจรก็ลักขโมยไปไม่ได้เมื่อเปรียบเทียบกับทรัพย์สินเงินทองของมีค่าต่างๆ คนดีเขาก็พยายามสั่งสมแต่คุณงามความดีของเขานั้นให้เพิ่มพูนมากยิ่งๆ ขึ้นไป เพราะ กรรมดี ที่กระทำนั้นจะไม่นำพาเรื่องเดือดร้อนใจมาให้เขาในภายหลัง แต่ความดีที่กระทำไว้มีแต่จะนำพาความสุขมาให้สมดังพุทธสุภาษิตอันลิขิตไว้ ณ เบื้องต้นนั้นว่า
สุกรํ สาธุนา สาธุ
กรรมดีคนดีทำได้ง่าย
ดังพรรณนามาด้วยประการฉะนี้ ฯ