สาเหตุแห่งความเจ็บไข้ได้ป่วยมาจาก เหตุ ๘ ประการใหญ่ๆ คือ
๑. โรคเกิดแต่ดีให้โทษ
๒. โรคเกิดแต่เสมหะให้โทษ
๓. โรคเกิดแต่ลมให้โทษ
๔. โรคเกิดแต่ทั้งดี เสมหะ และลมให้โทษ
๕. โรคเกิดแต่ฤดูแปรปรวน
๖. โรคเกิดแต่การผลัดเปลี่ยนอิริยาบถไม่สม่ำเสมอ
๗. โรคเกิดแต่ความเพียรเกินกำลัง
๘. โรคเกิดแต่วิบากกรรม
โดยขอเริ่มจาก เหตุแห่งโรค ๔ ประการแรก ที่กล่าวมาด้านบน คือ โรคเกิดแต่ดีให้โทษ โรคเกิดแต่เสมหะให้โทษ โรคเกิดแต่ลมให้โทษ และ โรคเกิดแต่ทั้งดี เสมหะ และลมให้โทษ มีสาเหตุมาจาก นิสัยประมาทในการใช้ปัจจัย ๔ นั้นเอง ไม่รู้จักระมัดระวัง และรู้ประมาณในการใช้สอยปัจจัย ๔ เป็นหลัก
(ถูกวัตถุประสงค์ ถูกวิธี ไม่รู้จักประมาณ)
ก็จะนำโรคภัยไข้เจ็บมาให้แก่ผู้นั้น “You are what you eat” ส่วนปัจจัยที่เหลืออีก ๓ อย่าง ก็ยังใช้สอยด้วยความประมาท มักง่ายดูเบากันอยู่เช่นเดิม
เหตุแห่งโรคประการที่ ๕ โรคเกิดแต่ฤดูแปรปรวน คือประมาทในการศึกษาทำความเข้าใจตนเองและสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ
๑. ไม่สนใจศึกษาธรรมชาติของร่างกายตนเองให้มากพอประมาทว่าร่างกายนี้จะคงทน
๒. ไม่ระมัดระวังในการเลือกใช้ปัจจัย ๔ ให้เหมาะสมในคราวฤดูแปรปรวน
เหตุแห่งโรคประการที่ ๖ คือ โรคเกิดแต่การผลัดเปลี่ยนอิริยาบถไม่สม่ำเสมอ โดยมีสาเหตุ มาจากนิสัยประมาท ขาดการหาความรู้เกี่ยวกับร่างกายตนเอง และมีนิสัยตามใจตนเองเป็นใหญ่
(ร่างกายมนุษย์ นี้มีชื่อเต็มๆว่า สรียนต์ เพราะเครื่องยนต์ไม่ว่าชนิดใดๆ จำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหว ไปในทิศทางต่างๆ ตามที่กำหนด หากไม่เป็นไปตามที่ถูกกำหนดไว้ ย่อมเกิดอาการ “Over Load” คือเกินกำลังของอิริยาบถนั้น แล้วก็จะนำมาซึ่งความเสื่อมโทรม จะทำให้เจ็บไข้ได้ป่วยโดยง่าย)
เหตุแห่งโรคประการที่ ๗ คือโรคเกิดแต่ความเพียรเกิดกำลัง หากหักโหมเกินไปก็เป็นโทษ การได้กัลยาณมิตรไว้คอยสะกิดเตือนกันบ้างให้รู้จักประมาณก็จะสามารถแก้ไขผ่านเหตุแห่งโรคประการที่ ๗ ไปได้โดยไม่ยาก
(ไม่เกิดกับคนเกียจคร้าน แต่กลับไปเกิดกับผู้ที่ขยันที่มีปัญญาเห็นภัยในวัฏสงสาร จึงเร่งปรารภความเพียร หวังกำจัดกิเลสให้ลิ้นเชื้อไม่เหลือเศษโดยเร็ว จึงเผลอไผลใช้ร่างกายหักโหมเกินกำลัง เกินอายุไปบ้าง เพราะต้องการสร้างบุญสร้างบารมีแข่งกับเวลา แม้ว่าการปรารภความเพียร เป็นเรื่องที่ควรแก่การอนุโมทนา)
เหตุแห่งโรคประการที่ ๘ คือโรคเกิดแต่วิบากกรรม หากเกิดขึ้นแก่ผู้ใดแล้ว ก็ยากจะแก้ไขใดๆ ทั้งสิ้น แต่มีหนทางผ่อนหนักให้เป็นเบาไว้ให้ คือ
๑. เมื่อยังทำอะไรไม่ได้ ก็ให้เร่งทำใจยอมรับความจริงว่เราทำตัวของเราเอง และห้ามไปโทษใครอื่นเด็ดขาดว่าเป็นผู้ทำให้ พร้อมทั้งหักห้ามใจจะไม่ทำกรรมชั่วเช่นนั้นอีก
๒. เมื่อยอมรับผลแห่งอกุศลกรรมนั้นแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบุญใหม่ทุกชนิดให้เต็มกำลังความสามารถ หากอกุศลกรรมเก่าไม่มากนัก ย่อมหายได้ แม้ไม่หายก็ผ่อนคลายทุกขเวทนาลง แม้ที่สุดหากอกุศลกรรมเก่ามากนักถึงคราวจักต้องตาย ถึงตายก็ไปดี มีสุคติเป็นที่ไป
ซึ่งจากที่กล่าวมาทั้งหมด จากเหตุแห่งโรคทั้ง ๘ ประการ ที่กล่าวมานี้ ย่อมชี้ชัดลงไปว่า โรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายที่รุมเร้ากายมนุษย์ให้ผุพังเร็วกว่าวัยอันควร ล้วนมีสาเหตุมาจากนิสัยประมาททั้งสิ้นคือ
๑. ประมาทขาดการศึกษาให้ทราบสภาพธรรมชาติแท้จริงของร่างกาย
๒. ประมาทขาดการศึกษาวิธีดูแล วิธีใช้ วิธีซ่อมบำรุงร่างกายนี้ให้คงทน
๓. ประมาทขาดการศึกษาถึงการนำร่างกายนี้ไปประกอบคุณงามความดีอย่างคุ้มค่า ให้เกิดเป็นบุญบารมีติดตัวไปในภายภาคหน้า
ขอให้ทุกคนตระหนักในพุทธดำรัสที่ว่า
“การได้เกิดในสภาพร่างกายเป็นมนุษย์เป็นเรื่องยาก
การได้พบพระพุทธศาสนาเป็นเรื่องยาก
การได้ฟังคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเรื่องยาก
การได้โอกาสบรรลุธรรมก็เป็นเรื่องยาก”
การบรรลุธรรม เราจำเป็นต้องอาศัยร่างกายที่ประกอบด้วยเลือดเนื้อและต้องเป็นร่างกายที่สุขภาพดีด้วย จึงจะมีทางสำเร็จได้
หมายเลขไอพี : 110.164.62.xxx
โพสเมื่อ : April 23, 2012 เวลา 16:16:05