อันความเห็นต่างทางความคิดนั้น มิใช่เกิดแต่ในปัจจุบัน มีมาแต่โบราณอย่างเรื่องว่า อะไรเป็นมงคลของชีวิต นักคิดยุคนั้นก็นำมาถกสนทนา แต่ไม่อาจตัดสินปัญหาให้เป็นที่สิ้นสุด จนเมื่อพระพุทธองค์ ทรงแสดงมงคลสูตรแก่เทวดาที่เข้าไปทูลถาม ความสงสัยเรื่องนี้ก็ยุติลงด้วยเหตุและผลเป็นที่ประจักษ์ใจ
ที่จริงคนไทยส่วนใหญ่นับถือพระพุทธศาสนา แต่ว่าก็ยังเข้าใจสับสนเรื่องมงคลอยู่ไม่น้อย ด้วยคอยจะไหลตามกระแส เช่น บางทีก็แห่กันปลูกต้นไม้ด้วยเชื่อว่าเป็นไม้มงคล แต่หากเราเปลี่ยนแนวคิดใหม่ว่า เป็นสิ่งให้ผลทางจิตวิทยาเท่านั้น หรือคิดกันเพียงว่า ปลูกต้นไม้ก็ดี ช่วยโลกนี้ให้ร้อนน้อยลงคงจะเกิดประโยชน์กว่าเป็นไหนๆ เพราะความเจริญหรือเสื่อมในชีวิต มิได้เกิดจากปัจจัยภายนอก เกิดจากภายในตัวเราเอง เช่น เราทำ พูด คิดดี เวลาใด เวลานั้นก็เกิดมงคลกับตัว แต่หากทำ พูด คิดชั่ว ก็เหมือนนำสิ่งอัปมงคลเข้าสู่ตัวเราเช่นกัน
ดังนั้น ชีวิตของเราจะดีขึ้น หรือต่ำลง อยู่ที่การกระทำของตัวเองทั้งสิ้น พระพุทธองค์ จึงตรัสรู้สูตรพัฒนาชีวิตนี้ไว้ ให้ได้นำไปวางแผนพัฒนาชีวิตตน
โดยเริ่มจากการเลือกคบคนเป็นสำคัญเพราะคนเรานั้น คบคนดี ก็เป็นศรีแก่ตัว คบคนชั่ว ก็พาตัวหมองไหม้ เรื่อยไปจนถึงเรื่องการพัฒนาจิตให้บริสุทธิ์ผ่องใสห่างกิเลส จนตัดเหตุแห่งการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏเป็นที่สุด
หากพุทธบริษัทพัฒนาตนตามมงคลหมวดนี้ ชีวิตจะพบประโยชน์สุขทั้งในชาตินี้ ชาติหน้า จนกว่าจะบรรลุมรรคผลนิพพานอย่างแน่แท้ ...