ดาวน์โหลดโปรแกรมฟรี
       
   สมัครสมาชิก   เข้าสู่ระบบ
 

 

รวมลิ้งค์ เว็บไซต์ธรรมะ ที่น่าสนใจ
  THAIWARE Dharma | รายละเอียด บทความ บทสวด บทคาถา ธรรมะ
เลือกขนาดตัวอักษร ขนาดตัวอักษร :  ก   ก   ก   ก 

6 ข้อที่พึงระลึกไว้ ยามแก่ ชราภาพ ต้องเตรียมตัว เสียแต่เนิ่นๆ

 

    Share  
 

 

ปู่ซึ้งใจกับความรักที่พ่อแม่มีให้ลูก มีอยู่รายหนึ่ง มาจากนครพนม พาลูกสาวอายุสิบขวบมาหาปู่ เล่าอาการให้ฟังว่าตาของลูกข้างขวามีปัญหา หมอบอกว่าเสียหายมากเกินจะเยียวยา พูดไปน้ำตาเอ่อขอบตาด้วยความสงสารลูก ในฐานะปู่เองก็เป็นพ่อ รู้สึกสึกเห็นใจและอยากช่วยเหลือ รายนี้พ่อปู่ชีวกฯ ท่านเมตตา ช่วยให้ตาของเด็กกลับมาดีดังเดิม เป็นเรื่องน่ายินดีและเป็นบุญของเด็ก นั้นเป็นความรักที่พ่อมีต่อลูก

ที่น่าปลื้มมากกว่านั้นเป็นความรักของลูกที่มีต่อพ่อแม่ ภาพที่ลูกๆ ช่วยกันประคองพ่อแม่ลงจากรถ และพามานั่งรอการรักษาจากพ่อปู่ชีวกฯ ดูแล้วอบอุ่นชื่นใจ แต่น่าเสียดายว่าอย่างนี้มีน้อยเหลือเกิน น้อยคนที่จะโชคดีอย่างนั้น ส่วนใหญ่พ่อแม่แก่เฒ่าลง มักถูกปล่อยปละละเลยไม่ดูแล หรือไม่ก็เลี้ยงดูอย่างขอไปที เรื่องนี้เป็นสัจจะธรรมที่ว่า พ่อแม่ยินดีให้ลูกอย่างเต็มที่ ส่วนลูกๆ มักให้พ่อแม่ได้อย่างจำกัด ซึ่งบางครั้งน่าเห็นใจที่ลูกๆ มีภาระหน้าที่ต้องดูแลครอบครัวของตัวเอง และกงกรรมกงเวียนนั้น มักจะย้อนรอยกลับมาอีกครั้ง เวลาที่ตัวเองแก่ลง ก็จะถูกลูกหลานทอดทิ้งอย่างเดียวกัน เข้าทำนองทำอย่างไรได้อย่างนั้น !

สังคมทุกวันนี้เป็นอย่างนั้น การหวังพึ่งลูกๆ ก็คงจะหวังได้ยาก ไม่มีความแน่นอนว่าเวลาเราแก่ลง เราจะได้รับการดูแลหรือไม่? ปู่จึงเตือนทั้งคนที่เริ่มแก่ และคนที่ยังไม่แก่ว่าอย่าได้ประมาท เมื่อวันนั้นมาถึง เราจะได้ไม่มานั่งท้อแท้ บ่นพึมพำ หมดหนทางช่วยเหลือตนเอง ดังนั้นเราต้องพึ่งพาตนเองให้ได้เมื่อถึงคราวจำเป็นและมีความสุขพอสมควรตามอัตภาพ ดั่งพุทธพจน์ที่ตรัสไว้ว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน เปรียบเสมือนว่า ในอนาคตเราอาจถูกบังคับให้ลงไปในแม่น้ำ โดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง เราจึงควรหัดว่ายน้ำให้เป็นหรือเตรียมชูชีพไว้เวลาฉุกเฉิน เพราะเมื่อถึงเวลาแล้ว เรามาฝึกว่ายน้ำในเวลานั้น คงยากและทุลักทุเลเต็มที หรือจะหาสิ่งช่วยเหลือก็ไม่มี ถึงตอนนั้นคงลำบากแล้ว

การเตรียมตัวที่ดีต้องรู้ปัญหาที่ต้องเจอ เมื่ออายุมากขึ้น เมื่อเข้าวัยชรา เราจะพบปัญหาต่างๆ มากมายเช่น การถูกทอดทิ้ง ร่างกายทรุดโทรม ความจำเสื่อม เข้ากับลูกหลานไม่ได้ เป็นโรคจิตประสาท และสุดท้ายสิ้นหวังหมดอาลัยตายอยาก ไม่มีกำลังใจและศรัทธาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป ปู่เห็นมามาก เป็นความทุกข์ที่น่าเวทนาจริงๆ ซึ่งความจริงเราน่าจะได้รางวัลจากการต่อสู้มาทั้งชีวิต เลี้ยงลูกมาแทบตาย ทำไมถึงกลับกลายเป็นช่วงชีวิตที่มืดมนที่สุด หดหู่ที่สุด เรื่องนี้ต้องอธิบายกันมาก เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ปู่จึงยกเป็นหัวข้อดังต่อไปนี้

ข้อแรก : เราอาจถูกลูกหลานทิ้ง

สาเหตุอาจมีสองแบบ แบบที่หนึ่ง เพราะเราโชคร้ายมีลูกหลานไม่ดี หรือลูกๆ ไม่มีความสามารถเลี้ยงดูเราได้ แบบทีสอง เราอาจเลี้ยงลูกๆ ไม่ดีพอเช่น ตอนเชาเล็กๆ เราอาจเลี้ยงเขาด้วยโทสะ ไม่ยุติธรรม ไม่เอาใจใส่เท่าที่ควร สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับลูกๆ ห่างเหิน ไม่แนบแน่น เมื่อเราแก่ลงจึงไม่มีใครสนใจและต้องการเรา การเลี้ยงลูกจึงมีความสำคัญต่ออนาคตของเรามาก อย่ามองเห็นเป็นเพียงเด็กเล็กๆ ถ้าเราคิดว่าทุกอย่างดีแล้ว แต่เพื่อความไม่ประมาท เราควรมีแผนสำรองไว้บ้าง เช่นการเก็บทรัพย์สินไว้บางส่วน เพื่อใช้ในเวลาที่จำเป็น ศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ดูแลคนชรา และลองติดต่อสอบถามเอาไว้บ้าง

ข้อที่สอง : สภาพของร่างกาย

เมื่อเราอายุมากขึ้น ร่างกาย จะอ่อนแอลง ทรุดโทรมลง เราจึงควรใส่ใจตัวเองตั้งแต่อายุเลยห้าสิบไปแล้ว เหมือนรถที่ใช้มานาน อะไหล่เริ่มหมดอายุ เราควรถนอมสุขภาพ อย่าทำงานหนัก พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และเหมาะสมกับอายุที่มากขึ้น เช่น โยคะ มวยไทเก๊ก ส่วนการรับประทานอาหาร ต้องให้ครบห้าหมู่ ไม่กินอาหารอย่างเดียวกันซ้ำบ่อยๆเพราะอาหารอาจมีพิษ ร่างกายขับทิ้งไม่ทัน เราควรหาความรู้เรื่องสุขภาพไว้บ้าง แต่ต้องระวังการโฆษณาที่เกินจริง อย่ากินอาหารเสริมหรือยาสมุนไพรอย่างพร่ำเพรื่อ

ข้อที่สาม : ความจำเสื่อม

เป็นโรคที่เป็นกันมาก อาจเป็นเพราะเรามีเครื่องช่วยจำ ช่วยคิดมากขึ้น จึงทำให้เราใช้สมองน้อยลง พออายุมากขี้นความจำแย่ลง การป้องกันความยุ่งยากนี้ ทำได้โดยจัดระเบียบให้ตัวเองมากขึ้น ของทุกอย่างต้องวางให้เป็นที่ มีบันทึกช่วยจำในเรื่องต่างๆ เมื่ออายุมากขึ้น จะมีอาการหลงลืม ความเคยชินนี้จะช่วยเราได้มาก แม้แต่การกินยา ถ้ามีจำนวนมาก หลายชนิดเราควรจัดตลับยาเตรียมไว้ทุกวัน เป็นการป้องกันการกินซ้ำ ซึ่งมีอันตรายมาก

ข้อที่สี่ : จิตใจอ่อนล้า

เมื่อเราอายุมากขึ้น กำลังของจิตจะตกลง เรามักพ่ายแพ้ให้กับความวิตกกังวล การคิดซ้ำๆวนไปวนมา ย้ำคิด ย้ำทำ การคิดนึกเรื่องร้ายๆในอดีต หรือวิตกเรื่องที่ยังมาไม่ถึง สุดท้ายเป็นโรคนอนไม่หลับ อาหารนี้ไม่เป็นเฉพาะคนสูงอายุเท่านั้น คนป่วยบางคนที่มาหาปู่ มีอาการนี้เหมือนกัน ปู่จึงสอนเทคนิคตู้ความจำ ในตู้มีลิ้นชักมากมาย ใช้เก็บสารพัดความคิดสารพัดปัญหา เทคนิคการใช้ไม่ยุ่งยาก ให้ใช้ทีละลิ้นชัก หมายความว่าให้คิดทีละอย่าง อย่าคิดทีละหลายเรื่อง หรือกรณีที่ลิ้นชักนั้นเปิดค้างเป็นอาการย้ำคิดย้ำทำ เราต้องสั่งให้ปิดได้โดยเร็ว

เมื่อเราต้องการพักผ่อน เราปิดทุกลิ้นชัก ปิดทุกความคิด และนอนหลับได้อย่างง่ายดาย ปู่ให้เคสที่มีปัญหาเรื่องจิตทดลองฝึก ได้ผลดีมากสามารถควบคุมตัวเองได้ ทำให้สุขภาพกายและใจดีขึ้น

ข้อที่ห้า : ความเหงา

เมื่อเกษียณแล้ว โอกาสที่จะพบปะเพื่อนๆ ก็จะมีน้อยลง ต้องอยู่บ้านทั้งวัน ทำให้เบื่อและเหงา เพื่อแก้ปัญหานี้ เราต้องหากลุ่มเพื่อนก่อนเกษียณ เช่นกลุ่มเพื่อนเก่า กลุ่มธรรมะ กลุ่มสภากาแฟ กลุ่มเพื่อนคนชรา หรือไปทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น ไปเรียนโยคะ เรียนศีลปะ เรียนภาษาเพิ่ม เรียนเต้นรำ ทำให้ได้เพื่อนใหม่ๆ หรือเข้าร่วมกิจกรรมช่วยเหลือสังคม เช่นอาสาสมัครตามโรงพยาบาล มูลนิธิต่างๆ หรือพอมีทุนอยู่บ้างเลือกไปท่องเที่ยว ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ การพบปะสังสรรค์ หรือมีกิจกรรมกับเพื่อนกลุ่มต่างๆ จะทำให้เราไม่เบื่อ ไม่เหงา มีชีวิตชีวา มีสีสันมากขึ้น ทำให้ไม่เป็นโรคซึมเศร้า โรคจิตประสาท

จากคำแนะนำวิธีการต่างๆ ของปู่ บางคนบอกว่าไม่สามารถทำได้ การคิดการทำอย่างนั้นอาจไม่ถูกกับนิสัยของเรา หรือทำได้ยาก หรือสภาพร่างกายของเราไม่พร้อม การเดินทางเป็นเรื่องยากลำบาก ต้องอาศัยคนอื่น ทางออกเรื่องนี้ บางคนแก้ไขได้ด้วยการศึกษาธรรมะ การเข้าถึงสัจธรรม เข้าใจชีวิต ทำให้จิตใจเข้มแข็งมั่นคง สามารถปล่อยวางความทุกข์ได้ง่าย เกิดภูมิคุ้มกันอย่างดี ทำให้ใจร่มเย็น ปรับตัวง่ายขึ้น ไม่ถือโกรธลูกหลานเวลาเขาทำไม่เหมาะสมกับเรา แต่เรื่องนี้ในทางปฏิบัติไม่ง่ายนัก เพราะการบ่มเพาะเรื่องนี้ใช้เวลานาน และต้องมีจริตโน้มเอียงไปในทางธรรม

ข้อที่หก : ช่องว่างระหว่างวัย

ในกรณีที่เราได้อยู่ร่วมกับลูกหลาน เราจำเป็นต้องปรับตัว จากผู้นำมาเป็นผู้ตาม จากหัวหน้าครอบครัวมาเป็นลูกบ้าน ส่วนนี้เราต้องยอมรับความจริง การเป็นผู้ตามที่ดีต้องโอนอ่อนผ่อนตามครอบครัวไป เราเคยตำหนิคนในปกครอง พอมาถึงเวลานั้น เราอาจถูกกระทำอย่างเดียวกัน อย่าน้อยใจให้เห็นเป็นเรื่องธรรมดา

ทั้งหมดทั้งมวล การเตรียมใจไว้ล่วงหน้าเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีต้องพยายามไม่แปลกแยก เมื่อร่วมกิจกรรมกับครอบครัว เช่น การไปร่วมรับประทานอาหารนอกบ้านกับครอบครัว บางครั้งอาหารสมัยใหม่อาจไม่ถูกปากเรา พยายามหลีกเลี่ยงการตำหนิหรือบ่นว่าต่อหน้าสมาชิกในครอบครัว เพราะการไปเที่ยวนอกบ้านครั้งต่อไปเราอาจไม่ได้รับเชิญ ในข้อนี้ปู่รู้สึกขมขื่นแทนคนแก่ มันเป็นเรื่องยากและทุกข์ใจ ที่เราต้องทนรับสภาพอย่างนั้น เรามีทางเลือกไม่มากนัก เราอาจเลือกหนทางอื่น ถ้าไม่สามารถมีความสุขในครอบครัวได้ ดีกว่าการทนทุกข์ทรมานอยู่อย่างนั้น นอกจากลูกของเราจะเข้าใจและรักเรา รู้ใจเรา คอยประคับประคองให้เรามีความสุขต่อไป สิ่งเหล่านี้หากเราเป็นลูกต้องให้ความสำคัญให้มาก ไม่อย่างนั้นวันข้างหน้า เราอาจเจอกับตัวเอง เมื่อถึงวันนั้นเราถึงจะเข้าใจความรู้สึกของพ่อแม่เรา

บทสรุป

ทั้งหมดที่ปู่ได้แจกแจงเป็นกรณีปกติทั่วไป ที่คนชราต้องเจอ ยังไม่รวมกรณีที่มีการป่วยไข้เรื้อรัง ซึ่งจำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษทั้งกายและใจ นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ไม่มีลูกหลาน ไร้ญาติขาดมิตร ยิ่งต้องเตรียมการมากกว่าคนทั่งไป หากเป็นไปได้ การช่วยเลี้ยงดูหรืออุปการะหลานๆเป็นการปลูกสายสัมพันธ์ที่ดี วันหนึ่งข้างหน้าเราอาจได้รับประโยชน์จากความเอื้อเฟื้อนั้น เป็นหมากตัวสุดท้ายที่มาช่วยเรา ในเวลาที่เราไม่มีใคร การเตรียมการเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีตัวเลือก เรามีสิทธิ์ในการออกแบบและวางแผนทางเดินชีวิตของเราเอง อย่ารั้งรอ ก่อนที่เราจะไม่มีทางเลือก หมดทางต่อสู้ เมื่อถูกต้อนเข้าสู่มุมชราภาพอย่างเดียวดาย ...




THAIWARE Dharma | นำข้อมูลบทความออก !  นำข้อมูลออกพิมพ์ !

THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออก โดยการพิมพ์ (Print Article by Printable View)    THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออกสู่ MS.Word (Export Article to MS.Word)    THAIWARE Dharma | นำข้อมูลออกสู่ ไฟล์เอกสาร PDF (Export Article to PDF Format Document)
 

THAIWARE Dharma | กลับสู่หน้าแรก ไทยแวร์ธรรมะ
 

 


 

 
 
ลำดับ ความคิดเห็น  ลำดับที่ : 1
รายละเอียด ความเห็น  ก้็เป็นเวลาที่ต้องทำหัวใจให้สดชื่น อยู่กับธรรมชาติ ส่วนตัวก็อยากมีสวน จะได้มี[url=http://hoyyai.com/which-tree-detox-pioson/]ต้นไม้[/url]เยอะๆ ทำให้สบายใจมีสุขมากขึ้น
  โดย : kanrayawong80@gmail.com
  หมายเลขไอพี : 223.207.245.xxx
  โพสเมื่อ : November 26, 2017 เวลา 08:02:36
 
 

 

  THAIWARE Dharma | ส่งความคิดเห็นจากทางบ้าน !
หัวข้อ เนื้อหา ข้อตกลง
  ความคิดเห็น* :

หมายเหตุ : กรอกรายละเอียดของบทความเข้าไป (ไม่รับ HTML Code) สามารถกด Enter ขึ้นบรรทัดใหม่ได้
  ห้ามโพสข้อความ !

  ที่มีการพาดพิงถึงสถาบัน พระมหากษัตริย์และราชวงศ์

  ที่ก่อให้เกิดความเสียหาย หรือส่งผลต่อ ความมั่นคงของประเทศ

  ที่ส่อไปทางลามก อนาจาร หรือผิดศีลธรรม

  ที่ถือเป็นการ ละเมิดลิขสิทธิ์ ผิดกฎหมาย

  ที่เป็นความผิด เกี่ยวกับการก่อการร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา

  ที่มีการพาดพิงถึงสถาบัน พระมหากษัตริย์และราชวงศ์

  ที่ผิดต่อ พรบ. ว่าด้วยการกระทำผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๑
  ชื่อ / อีเมล์* :

หมายเหตุ : "นาย สมชาย รักธรรม" หรือ "somchai.r@gmail.com"
  รหัสยืนยัน* :

 
ฉันยอมรับข้อตกลงที่กล่าวมา ภายในหน้านี้ ทั้งหมด